• ฉีด Botulinum Toxin 1 ครั้งอยู่ได้นานแค่ไหน

    ปกติถ้าฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพื่อลดรอยย่น จะอยู่ได้นานเฉลี่ย 4 เดือน1 บางรายอาจนานกว่านั้น แตกต่างกันไปแล้วแต่ยี่ห้อ

  • ควรเริ่มฉีดเมื่อไหร่

    ฉีดได้เมื่อเริ่มมีรอยย่น ไม่ควรรอให้เกิดรอยย่นนานจนเกิดเป็นเส้นร่องลึกถาวร

  • ถ้าเลิกฉีดริ้วรอยจะกลับมามากกว่าเดิมไหม

    ริ้วรอยจะค่อย ๆ กลับมาตามสภาวะของคนไข้

  • ถ้าฉีดบ่อย จะเกิดการดื้อยา จริงไหม

    จริง โดยควรเว้นระยะเวลาฉีดอย่างน้อย 3 เดือน1 และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพราะ Botulinum Toxin ที่ไม่มีคุณภาพ จะมีสารปนเปื้อนมามาก ซึ่งจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ง่ายขึ้น

  • Botulinum Toxin จากแต่ละประเทศต่างกันอย่างไร ควรเลือกยี่ห้อไหนดี

    ต่างกันที่สายพันธุ์ของแบคทีเรียที่เลือกใช้ และกระบวนการผลิตที่ต่างกัน ดังนั้นควรเลือกประเทศผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ และเป็นยี่ห้อ มีการใช้มาเป็นระยะเวลานานเนื่องจากมีหลักฐานทางวิชาการแสดงถึงความปลอดภัยในระยะยาว โดยประเทศไทยมีการนำเข้า Botulinum Toxin ทั้งแบบถูกและผิดกฎหมาย ขายกันในอินเตอร์เน็ตมากมาย บางรายเป็นยาปลอมยาเถื่อน จนทำให้เกิดข้อเสียต่อคนไข้อย่างมากจนถึงแก่ชีวิตก็มี การเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือจึงมีความสำคัญมากทั้งด้าน ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษา รวมถึงการดื้อยาภายหลังด้วย

  • Botulinum Toxin ที่มีคุณภาพเลือกอย่างไร

    1. เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมาอย่างยาวนานหรือไม่ เพราะยิ่งใช้มานานแปลว่ามีข้อมูลความปลอดภัยมาก ก็จะเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้นด้านข้อมูลความปลอดภัย
    2. มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานเนื่องจาก Botulinum Toxin เป็นสารที่ได้จากแบคทีเรียซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตกระบวนการผลิต จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
    3. ผลิตภัณฑ์มีการป้องกันการลอกเลียนแบบจากผลิตภัณฑ์ปลอม สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังโรงงานต้นทางได้ในทุกๆขวด เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าได้ของแท้จากโรงงานผู้ผลิต
    4. มีงานวิจัยรองรับทั้งในแง่ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในระยะยาว และสิ่งที่สำคัญมากๆอีกข้อที่จะต้องถามก่อนฉีดทุกครั้งว่า ยาได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่
  • ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการฉีด Botulinum Toxin1

    ข้อแนะนำสำหรับคนไข้ที่ต้องการฉีด Botulinum Toxin เพื่อเสริมความงาม ตำแหน่งที่นิยมทำการฉีดBotulinum Toxin ได้แก่ รอยตีนกา รอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว (รอยหว่างคิ้ว) รอยย่นบริเวณหน้าผาก2แนะนำว่า ไม่ควรฉีด Botulinum Toxin บ่อยเกินไป โดยปกติไม่ควรถี่เกินกว่าทุก 3 เดือน1

    เลือกฉีด Botulinum Toxin กับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีมาตรฐาน คุณหมอที่มีความชำนาญเฉพาะทาง ประสบการณ์ มีความรู้-ความชำนาญ และที่สำคัญใช้ Botulinum Toxin ยี่ห้อที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ มีจำหน่ายในท้องตลาดเป็นเวลานาน และมีการศึกษาอย่างกว้างขวางทั้งการศึกษาระยะสั้น และระยะยาวเพื่อยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย

  • Botulinum toxin แต่ละยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร2

    เมื่อพูดถึงยี่ห้อ Toxin ที่เข้ามามีใช้ในประเทศไทย ก็มีอยู่หลายยี่ห้อมากและมา จากหลายประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน และเกาหลี บางคนอาจจะรู้จักและคุ้นเคยกับ Toxin มาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงในแต่ละแบรนด์ หรือ ราคา ความแตกต่าง รวมถึงอายุการใช้งาน แต่ความต่างจะมี 2 ประเด็นใหญ่ๆ

    • อันดับแรก Botulinum Toxin เป็นโปรตีนสกัดจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งแบคทีเรียนี้จะมีหลายสายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละบริษัทที่ผลิตนั้นเลือกเอาสายพันธุ์ไหนมาใช้ อีกอย่างที่จะทำให้คน เข้าใจผิดคือเรื่องหน่วยวัดของสารกลุ่มนี้ จะวัดปริมาณเป็น Unit ซึ่งจริงๆ แล้ว Unit คือความแรงของยา โดย 1 unit ของ Botulinum Toxin แต่ละยี่ห้อจะมีความแรง ไม่เท่ากันส่งผลต่อการออกฤทธิ์ที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นสมมติยี่ห้อนึง 50 unit อีกยี่ห้อนึงอาจจะใช้มากกว่า ต้องดูตามข้อบ่งใช้ของแต่ละยี่ห้อ2
    • ต่อมา คือ ความแตกต่างในการผลิต Botulinum Toxin มีความยุ่งยากซับซ้อน ถ้าพูดให้ เข้าใจง่ายก็เหมือนการผลิตวัคซีน ที่ขั้นตอนจะเยอะมาก ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์ ของตนเอง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะเจาะจง กับกระบวนการผลิตนั้นๆ โดยผลมาจากกระบวนการ ผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละผลิตภัณฑ์มีโครงสร้างทางเคมีที่เป็น เอกลักษณ์ มีสูตรที่ต่างกัน และต่างกันใน แง่ของความคงตัว สัดส่วนของขนาดยา ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ ทั้งหมดนี้ ทำให้มีความแตกต่างทางชีวภาพ (biologic activity) ซึ่งความแตกต่างนี้ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ใช้จำนวนยูนิตแตกต่างกันแม้จะใช้รักษาโรคเดียวกัน3
References
  1. Botox Product package insert. Allergan Ltd. Revised 03/2020.
  2. Brin MF, et al. Biologics. 2014;8:227–241.
  3. Rahman E, et al. Aesthetic Surgery Journal. 2021. 1-15